เกมรอบ 8 ทีมสุดท้ายของศึกฟุตบอลคาราบาว คัพ เมื่อคืนวันอังคารที่ 22 ธันวาคมที่ผ่านมา ทีมเรือใบฟ้า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ยกพลออกไปเยือน “ทีมปืนใหญ่” อาร์เซน่อล ถึงถิ่นสนามเอมิเรสต์ สเตเดียม หาได้เกรงกลัวศักดิ์ศรีของทีมเจ้าถิ่นไม่ ไล่ถล่มยับไป 4-1 ผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศต่อไป
ทีมเรือใบฟ้า เดินหน้าบุกยิงถล่มปืนใหญ่ แล่นฉิวลิ่วเข้ารอบคาราบาวคัพ

ทีมเรือใบฟ้า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ลูกทีมของยอดกุนซือเป๊ป กวาร์ดิโอล่ายกพลออกมาเยือนคราวนี้ จัดทีมโดยให้ผู้เล่นตัวสำรองลงสนามบ้างเพื่อสร้างประสบการณ์ในทีมชุดใหญ่ โดยใช้ แซค สเตฟเฟ่น นายประตูดาวรุ่งชาวอเมริกันลงเฝ้าเสาแทนเอแดร์ซอน
ส่งโอเล็กซานดาร์ ซินเชนโก้ แบ็คซ้ายดาวรุ่งทีมชาติยูเครน ยืนทางซ้าย แต่เกมรุกใช้ 3 ตัวอันตรายลงสนามพร้อมกันทั้ง 3 คน คือกาเบรียล เชซุส, ฟิล โฟเด้นและริยาด มาห์เรซ หมายจะเผด็จศึกให้ได้ในเกม 90 นาที

ส่วนทีมปืนใหญ่ อาร์เซน่อล มาตามสภาพที่ปราชัยมาหลายนัดต่อเนื่อง มิเกล อาร์เตต้า กุนซือของทีมใช้ผู้เล่นตัวจริงผสมตัวสำรอง นัดนี้ใช้ รูนาร์ รูนาร์สสัน นายประตูชาวไอซ์แลนด์ลงสนาม และให้ กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ ได้โอกาสลงสนามเล่นกองหน้าคู่กับ อเลซองด์ ลากาแซ็ตต์ แต่เล่นกันไม่ทันไรทีมเรือใบฟ้า ได้ประตูนำก่อนแค่นาทีที่ 3 เมื่อซินเชนโก้เปิดเข้าบอลให้ เชซุส พุ่งโหม่งเข้าไปให้ทีมนำไป 1-0 ทีมปืนใหญ่ไล่ตีเสมอได้ในนาทีที่ 31 จากลากาแซ็ตต์

ทำให้จบครึ่งแรกเสมอกันไป 1-1 แต่เริ่มครึ่งหลังเหมือนหนังคนละม้วน เมื่อทีมเรือใบฟ้าดาหน้าบุกถล่มอยู่ฝ่ายเดียว ได้ 3 ประตูรวด เมื่อ รูนาร์สสัน นายประตูเจ้าถิ่น รับลูกฟรีคิกของมาห์เรซ แต่ดันปัดบอลเข้าประตูตัวเองไปในนาทีที่ 53 ทีมเรือใบฟ้ามาได้ประตูย้ำชัยชนะอีก 2 ลูกจาก โฟเด้น นาทีที่ 59 และอายเมริก ลาปอร์ต กองหลังขึ้นมาโหม่งทำประตูนาทีที่ 73 ทำให้ทีมเรือใบฟ้า ชนะไปในที่สุด 4-1
ทีมเรือใบฟ้าแล่นฉิวลิ่วเข้ารอบตัดเชือกไปได้ ส่วนทีมปืนใหญ่ต้องหมดสภาพพ่ายคาถิ่นตกรอบไป แถมซ้ำร้าย มาร์ติเนลลี่ กองหน้าตัวความหวังต้องมาได้รับบาดเจ็บอีกต่างหาก