แมนฯ ยูไนเต็ด จากการที่สามฤดูกาลหลังสุดของพรีเมียร์ลีกเต็มไปด้วยช่องว่างระหว่างทีมเต็งแชมป์ ทีมลุ้นแชมป์ ทีมแย่งโควตาบอลยุโรป ทำให้เหมือนมีระยะห่างระหว่างทีมนั้นกับทีมนี้มาก จนการขับเคี่ยวลดความร้อนแรงลง
เป็นต้นว่าฤดูกาล 2018/2019 กับ 2019/2020 มีแค่ลิเวอร์พูลกับแมนฯ ซิตี้ที่ลุ้นกันจริงๆ จังๆ ส่วนอันดับ 3, 4, 5 และ 6 เป็นการสู้กันระหว่างเชลซี สเปอร์ เลสเตอร์และทีมม้ามืดอื่นๆ นั้นจะออกยังไงก็ได้ เพราะแต่ละทีมยังมีแผลในสโมสรพอกัน ทำให้ความกดดันในแต่ละเกมการแข่งขันไม่หนักเท่าในฤดูกาลนี้
สำหรับคอบอลอังกฤษนั้นรู้ดีว่าในช่วงหนึ่งที่บรรดากุนซือระดับอ๋องอยู่กันอย่างพร้อมหน้า เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน, อาร์แซน เวงเกอร์, โฆเซ่ มูรินโญ่, ราฟาเอล เบนิเตช สี่คนนี้ถือเป็นแนวหน้าในการเล่นเกมจิตวิทยาผ่านประโยคให้สัมภาษณ์ต่างๆ โดยเฉพาะเซอร์อเล็กซ์แห่ง
แมนฯ ยูไนเต็ด ที่ถือเป็นคนเก๋าเกมที่สุดในจำนวนทั้งหมด

และมักจะมีไม้เด็ดก่อนเกมและหลังออกมาเสมอ บ่อยครั้งที่มันสำเร็จในเวลาต่อๆ มาที่บรรดากุนซือเหล่านี้เลิกทำหน้าที่ มีการโยกย้ายทีมไปมา ผลัดเปลี่ยนเอากุนซือหน้าใหม่ๆ เข้ามาในวงการฟุตบอลอังกฤษ มันก็ยังหาเหล่ากุนซือฝีปากดีไม่แพ้มันสมองที่ทัดเทียมกับช่วงเวลาที่เคยร้อนแรงไม่ได้ รวมไปถึงบรรยากาศการขับเคี่ยวของเกมก็ด้วย
ทว่าฤดูกาลนี้มันเริ่มมีบางอย่างที่ชวนหวนนึกถึงวันเก่าๆ โดยมีหลายสิ่งที่เป็นตัวจุดกระแสได้ มันเริ่มมาจากเจอร์เก้น คล็อปป์พาลิเวอร์พูลเป็นแชมป์ยุโรป ต่อด้วยเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีก ทำให้เป๊บ กวาร์ดิโอล่าต้องยกเครื่องทั้งตัวเองและทีมเพื่อทวงบัลลังค์ที่เคยครอง ตามมาด้วยการทำงานระดับหัวแถวของมูรินโญ่ที่สโมสรท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ ผลงานของแฟร้งค์ แลมพาร์ด กุนซือเชลซี และโอเล่ กุนนาร์ โซลชา กุนซือ สองกุนซือที่เติบโตมาในยุคที่ผู้จัดการทีมเก่งๆ ในการใช้วาทะปั่นหัวคู่แข่งยังอยู่กันครบ และโดยไม่รู้ตัว พวกเขาก็เก็บเกี่ยวพฤติกรรมและการทำสิ่งเหล่านั้นมาด้วย

ก่อนหน้าที่มีหลายครั้งที่สื่อพยายามถามชี้นำเพื่อให้เกิดประโยคเด็ดๆ สำหรับเล่นเป็นข่าว แต่ช่วงที่คล็อปป์ยังพยายามพาหงส์แดงก้าวข้ามเป๊บและแมนฯ ซิตี้ไปให้ได้อยู่นั้น ดูเหมือนกุนซือเยอรมันจะไม่นิยมใช้คำพูดเพื่อสร้างความได้เปรียบนัก ระหว่างเป๊บกับคล็อปป์จึงเป็นการวัดกึ๋นในการจัดทีมอย่างแท้จริง แต่ตอนนี้บรรดาทีมระดับท็อปของตารางพรีเมียร์ลีกเริ่มรู้สึกได้ถึงความยากลำบากในการแข่งขันเพื่อชิงตำแหน่งปีนี้ การชิงไหวชิงพริบนอกสนามจึงเกิดขึ้นบ่อยๆ
“เข้ารอบก่อนก็จริง แต่แล้วไง? ไม่มีหรอกความได้เปรียบในเกมที่จะเจอ เป๊บบอกออกมาในอารมณ์ประมาณนี้

มันเป็นการเริ่มต้นโยนความกดดันใส่ ก่อนที่เกมดาร์บี้นัดสำคัญในสุดสัปดาห์จะมาถึง ด้วยการบอกว่าในเกมที่จะเจอกัน เรือใบสีฟ้าไม่ได้สบายกว่าคู่แข่งร่วมเมืองเลย ถึงคนจะพูดว่าแมนฯซิตี้เข้ารอบได้แล้ว ย่อมจะเตรียมตัวรอเล่นแบบสบายๆ กว่า เพราะอีกทีมยังต้องลุ้นเข้ารอบอยู่เลย ความเห็นแบบนี้กุนซือสเปนไม่เอาด้วย
กุนซือชาวสเปนให้เหตุผลว่า “มันก็จริงที่ในตอนนี้ทีมค่อนข้างอยู่ในฟอร์มที่ดี แต่ยังเหมือนเดิมคือได้ซ้อมน้อย ไม่มีเวลาเตรียมตัวมาก มันเป็นอย่างนี้ตลอด เกม คือดาร์บี้ แต้มเราก็ตามอยู่ ยังไงก็ต้องโฟกัสเกมให้หนักตามเดิม”
นี่อาจจะยังไม่ใช่การก่อสงครามจิตวิทยาเต็มตัว แต่วิธีการใช้คำพูดเพื่อสร้างความหงุดหงิดให้กับทีมคู่แข่งได้เริ่มต้นแล้ว และน่้าจะเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ แน่นอนในพรีเมียร์ลีกซีซั่นนี้ หากแต่ละทีมยังคงเบียดสู้กันอย่างสูสีไม่เลิก