ปราสาทสายฟ้า การพลาดแชมป์ไทยลีกฤดูกาลที่แล้วทำให้บุรีรัมย์ ยูไนเต็ดมือเปล่า คว้าได้แค่สิทธิ์รอบเพลย์ออฟฟุตบอลถ้วยเอเชีย แต่ก้ตกม้าตายไปอีก ทำให้ถือเป็นปีที่จบแบบว่างเปล่าครั้งแรกอย่างแท้จริง ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงมากมายในสโมสร
ซึ่งพอถึงเวลาในการแข่งขันจริงของเกมไทยลีก บุรีรัมย์ ยูไนเต็ดก็ออกสตาร์ทได้แบบกระท่อนกระแท่น ถึงอย่างนั้นด้วยดีกรีเก่าๆ ทุกคนก็คิดว่าเดี๋ยวทีม ปราสาทสายฟ้า ก็จะกลับมาได้เอง ทว่ามันไม่เป็นแบบนั้นเลย เพราะยิ่งเล่นจากทีมที่แข็งแกร่งมากที่สุดทีมหนึ่ง พวกเขากลับแพ้ง่ายๆ จนอันดับคะแนนไม่เพียงในการลุ้นโควตาฟุตบอลเอเชียด้วยซ้ำ
อีกหนึ่งเรื่องล้มเหลวสำหรับบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ปราสาทสายฟ้า

จะพลาดการไปเล่นฟุตบอลรายการเอเชียเป็นปีที่สองติดต่อกัน ผลงานแบบนี้ สิ่งที่เกิดขึ้นแบบนี้ ย่อมทำให้เนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรไม่พึงพอใจอย่างมากอยู่แล้ว แต่เขาก็ลุกขึ้นมายึดอกยอมรับ และตั้งใจจะเอาใหม่กับช่วงเวลา 17 เกมที่เหลือเพื่อไปลุ้นถ้วยเอเชียของอีกสองฤดูกาลถัดไปแทน
ทัพปราสาทสายฟ้าเปลี่ยนแปลงผู้เล่นต่างชาติทันทีโดยไม่รอให้ตลาดเปิดอย่างเป็นทางการ ด้วยการดึงสองแข้งจากเคลีก เกาหลีใต้มาร่วมทีม ซามูเอล โรซ่า กอนซาเวซ กองหน้าบราซิลจากชุนบุค ฮุนได มอเตอร์สและแบรนดอน โอนีล กองกลางตัวรับชาวออสเตรเลียที่ฟอร์มฮอตกับโปลฮัง สตีลเลอร์

ในส่วนของผู้เล่นไทยก็มีปิยะพล ผานิชกุล แบ็กประสบการณ์สูงจากเชียงราย ยูไนเต็ดมาเพิ่มความสามารถด้านเกมป้องกัน เพราะผู้เล่นที่มีอยู่ในตำแหน่งนี้ร่วมแต่แข้งวัยรุ่นทั้งนั้น ซึ่งเป็นจุดอ่อนของทีม ปราสาทสายฟ้า ในเวลานี้
จากการที่เคยขึ้นไปถึงยอดของวงการฟุตบอลอาชีพไทย บุรีรัมย์ที่มีพร้อมทุกอย่าง ไม่ว่าจะเงินทุนในการสร้างทีมแต่ละปี สนามแข่งขัน อะคาเดมี่สำหรับสร้างผู้เล่นรุ่นใหม่ๆ ปีนี้เป็นปีที่บุรีรัมย์มีผลงานย่ำแย่ที่สุด ปราสาทสายฟ้า ที่พร้อมผ่าเปรี้ยงปร้างใส่ทีมคู่แข่งกับเจอสายฟ้าช็อตใส่ตัวเองจนแน่นิ่ง มันจึ่งเป็นสิ่งที่ยอดทีมจะย่ำอยู่ไม่ได้

แม้ว่าการดึงอเล็กซานเดร กาม่ากลับมาจะไม่ทันเวลาในการพลิกสถานการณ์ตอนนี้ แต่ถ้ากาม่ามีเวลามากพอ ด้วยกึ๋นและประสบการณ์ในบอลไทยอันข้นคลั่ก กุนซือบราซิลก็น่าจะจับชิ้นส่วนที่สะเปะสะปะของทีม ปราสาทสายฟ้า กลับมาเข้ารูปได้ ถึงแม้ว่าสิ้นฤดูกาลจะพลาดอีก แต่ถ้ามันยังดูดีมีอนาคตที่จับต้องได้ กาม่าก้น่าจะได้โอกาสให้สร้างทีมต่อไปอีกครั้ง เหมือนเมื่อครั้งที่เขาเคยทำงานร่วมกับยอดทีมแดนอีสานมาแล้วนั่นเอง
แต่บุรีรัมย์ ยูไนเต็ดเองก็ต้องรับสภาพว่ามันถึงเวลาของการเปลี่ยนแปลงการทำงานแล้ว สโมสรอาชีพต้องทำงานแบบมืออาชีพ เหมือนที่สโมสรในต่างประเทศ ต้นแบบที่เนวินชื่นชอบทั้งเลสเตอร์และเชลซี หรือแม้แต่ในรูปแบบที่โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ สโมสรพันธมิตรจากบุนเดสลีกาของ ปราสาทสายฟ้า ดำเนินการอยู่ มันเป็นเวลาที่บุรีรัมย์ต้องยกเครื่องใหญ่ด้วยการถือโอกาสที่ทีมกำลังดำดิ่งทีสุดแบบนี้แหละ